มนุษย์กับธรรมชาติ ” Human And Natural “

ชีวิตมนุษย์เราทุกคน เกิดมาพร้อมกับเวลา ซึ่งเวลาเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดขึ้นเพื่อใช้ในการจัดระเบียบชีวิตทางสังคม เช่น เกิดมาต้องเรียน ทำงาน กิน นอน และการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ ดังนั้น การดำรงชีวิตของมนุษย์ ต้องคำนึงว่า สิ่งที่เราจะกระทำนั้น มีความสำคัญ มีคุณค่า และมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด เพื่อให้คุ้มค่ากับเวลาที่เรามีอยู่ ดังนั้น การดำรงชีวิตของมนุษย์ต้องตั้งอยู่บนสติ และไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างสูญเปล่า

ธรรมชาติเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์ และเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจของมนุษย์มาโดยตลอด นอกจากนี้ ความสุขของมนุษย์ทุกคน ก็เกิดมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นความสุขทางกาย ความสุขทางใจ ความสุขทางสังคม และความสุขทางปัญญา ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า มนุษย์นั้น เป็นส่วนของธรรมชาติ ดังนั้น มนุษย์ควรทำความเข้าใจ ให้คุณค่า ให้ความเคารพนับถือ สร้างความผูกพันและความใกล้ชิดกับธรรมชาติ รับผิดชอบต่อธรรมชาติซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์ และเรียนรู้อย่างบูรณาการในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เพื่อรักษาความสมดุลระหว่างธรรมชาติและตัวของมนุษย์เอง

สรุปได้ว่า มนุษย์กับธรรมชาติมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น มานาน ตั้งแต่มนุษย์ปรากฏขึ้นมาบนพื้นโลก มนุษย์เป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของธรรมชาติ มนุษย์อาศัยอยู่ในธรรมชาติมนุษย์อาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต ธรรมชาติจึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติเป็นส่วนของกันและกัน และไม่อาจแยกออกจากกันได้ เมื่อใดที่มนุษย์และธรรมชาติต้องแยกจากกัน เมื่อนั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่หายนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ มนุษย์จะต้องเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตมาสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมนุษย์จะต้องเข้าใจและยอมรับในฐานะที่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มนุษย์จะต้องมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบในผลของการกระทำ และการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสังคมรุ่นต่อๆ ไป การพัฒนาของมนุษย์จะต้องไม่กระทบกระเทือนหรือทำลายความเป็นเอกภาพของธรรมชาติ มนุษย์ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อผลกระทบที่ตนก่อให้เกิดแก่ธรรมชาติ มนุษย์ต้องอนุรักษ์ความหลากหลายของธรรมชาติความหลากหลายในธรรมชาติเป็นรากฐานสำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นสิ่งที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิด สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล

วิธีการสำหรับการสร้าง nature connection หรือการเชื่อมโยงกับธรรมชาติสรรพสิ่ง ธรรมชาติบำบัด เริ่มต้นจากการที่มนุษย์พัฒนา ‘ผัสสะ’ หรือประสาทสัมผัส เพราะผัสสะคือสิ่งที่ร่างกายของมนุษย์ใช้รู้จักและรับรู้ความเป็นไปในโลก ซึ่งมนุษย์สามารถแยกย่อยรายละเอียดได้มากถึง 52 ผัสสะ

ยกตัวอย่างประสาทสัมผัสทางร่างกาย เช่นมนุษย์สามารถรู้สึกถึงแรงดึงดูดโลก ในรูปของกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ไหลเวียนตามร่างกาย หรือการทรงตัวของมนุษย์ที่สามารถพัฒนาได้ด้วยการเดินในธรรมชาติ หรือประสาทสัมผัสทางพลังงานที่เรียกว่า sixth sense หรือโทรจิตก็มีอีกหลายประเภท

ซึ่งมนุษย์มีโอกาสที่จะพัฒนา ‘ผัสสะ’ เหล่านี้ได้ตลอดเวลา เพราะว่ามนุษย์ยังคงใช้ร่างกายเดิมแบบเดียวกับมนุษย์เมื่อสองแสนปีก่อน เพียงแต่มนุษย์ในปัจจุบันต้องอยู่ในโหมดของความรีบเร่ง มีเส้นตายที่ต้องไปให้ถึง หากมนุษย์ใช้ชีวิตให้ช้าลง ‘ผัสสะ’ ของมนุษย์จะกลับมาละเอียดเช่นในอดีต

เมื่อมนุษย์ใช้ชีวิตช้าลง คลื่นสมองของมนุษย์ก็จะช้าลงตามไปด้วย จนเข้าไปอยู่ในช่วงคาบเกี่ยวกับคลื่น Alpha กับ Tetra ซึ่งเป็นคลื่นความถี่เดียวกันกับสนามแม่เหล็กโลกที่ 6-8 Hz จนทำให้ร่างกายของเรามีชีพจรเดียวกับสนามแม่เหล็กโลก และมนุษย์สามารถเชื่อมต่อกับพลังงานอื่นๆ ได้

มนุษย์เราถูกวิวัฒนาการมาให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ ทำให้การที่มนุษย์ใช้ชีวิตออกห่างจากธรรมชาติมากขึ้นได้ส่งผลร้ายต่อมนุษย์โดยไม่รู้ตัว ในรูปของโรคร้ายต่างๆ และอาการทางอารมณ์ความรู้สึกที่ส่งผลให้มนุษย์ไม่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น

ธรรมชาติบำบัดหรือการนำพาตนเองกลับไปสู่ธรรมชาติคือวิธีการที่จะทำให้คุณมีความสุขโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อหาแต่ประการใด และธรรมชาติจะทำให้คุณเปิดประสาทสัมผัสรับรู้ให้กว้างขวางขึ้นซึ่งจะทำให้คุณเข้าใจโลกและเข้าใจธรรมชาติมากกว่าที่เคยเป็น

Message us